Samsung ถือเป็นแบรนด์โทรทัศน์ยอดนิยมที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ มีรุ่นออกมาแล้วมากมายในทุก ๆ ปี ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องปกติที่การใช้งานโทรทัศน์อาจมีปัญหาในบางครั้ง และสิ่งที่ช่วยได้คือการรีเซ็ตเครื่องนั่นเอง แต่โทรทัศน์ Samsung ก็มีหลายรุ่นเหลือกัน อาจสับสนวิธีการรีเซ็ตได้ มาดูกันว่า Samsung แต่ละรุ่นทำการ Reset อย่างไร
มีอะไรบ้างในเรื่องนี้
ทำไมถึงต้องรีเซ็ต Samsung TV
การรีเซ็ตสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในหลาย ๆ กรณีดังต่อไปนี้
- แอปบางแอปใช้งานไม่ได้
- แอปบางแอปหายไป
- Samsung Hub ไม่สามารถใช้งานได้
- หน้าจอโทรทัศน์กระพริบหรือหน้าจอดำสนิท
- เสียงไม่ตรงกับภาพ
- Wi-Fi เชื่อมต่อไม่ได้
รีเซ็ตจะเป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดเพราะจะทำให้เครื่องกลับไปเป็นค่าเริ่มต้นเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ ไม่ต้องปวดหัวกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ มากนัก สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในหลายกรณีและไม่ต้องเรียกช่างมาจัดการให้เสียเงินและเสียเวลารอคอยนาน ๆ
วิธีรีเซ็ต Samsung TV อย่างง่าย
สำหรับ Samsung TV รุ่นตั้งแต่ปี 2021 ขึ้นไป ให้กดปุ่ม Home ที่รีโมตและเลือกไปที่ Support เลือก Device Care option และเลือกเมนู Self Diagnosis ทำการเลือกเมนู Reset Smart Hub และกดปุ่ม continue ทั้งนี้การรีเซ็ตอาจใช้เวลานานถึง 30 นาที
การรีเซ็ตในที่นี้ คือการลบล้างข้อมูลต่าง ๆ ไปยังค่าเริ่มต้นที่ตั้งค่ามาจากโรงงาน ดังนั้นข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของคุณ รูปภาพที่ทำการบันทึกไว้ log-in ของแอปต่าง ๆ และแอปต่างๆ ที่โหลดมาจะถูกลบไปหมด ฉะนั้นแนะนำให้ทำการดาวน์โหลดเก็บข้อมูลที่สำคัญไว้ก่อน
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ที่เรารีเซ็ตกันเป็นเพราะเครื่องมีปัญหาหนักจริง ๆ อาจทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในช่วงเวลาที่จะต้องตัดสินใจรีเซ็ตแล้ว สำหรับรูปภาพเราแนะนำให้ทำการเซฟลงมือถือไว้ทุกครั้งที่ต้องการภาพนั้น ๆ ไม่ควรเก็บไว้ในเครื่อง Samsung TV เพราะเราไม่รู้ได้ว่าจะเจอปัญหาที่ต้องทำการรีเซ็ตเมื่อใด
รีเซ็ต Samsung TV รอนานแค่ไหน
ปกติแล้วการที่จะ Reset Samsung TV นั้นใช้เวลาตั้งแต่ 20 – 30 นาที โดยรุ่นเก่า ๆ อาจใช้เวลานานกว่าปกติ รวมไปถึงขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเทอร์เน็ตด้วย เพราะในระหว่างที่ทำการรีเซ็ตนั้น ตัวระบบของ Samsung TV จะเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตเพื่อทำการดาวน์โหลดข้อมูลการตั้งค่าต่าง ๆ
ทั้งนี้โปรดระวังเรื่องของปลั๊กไฟ อย่าดึงออกระหว่างการรีเซ็ตเด็ดขาด
รีเซ็ต Samsung TV รุ่นต่าง ๆ
เนื่องจากวิธีการรีเซ็ตนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น สามารถแบ่งออกได้เป็น generation ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
รุ่นปี 2021 – ปัจจุบัน
- กดปุ่ม Home บนรีโมต (หรือปุ่ม Smart Hub)
- เลือกเมนู Setting รูปเฟือง
- เลื่อนหาเมนู Support
- เลือก Device Care
- เลือก Self Diagnosis
- เลือก Reset Smart Hub
- เลื่อนอ่านข้อมูลไปจนล่างสุดแล้วกด continue ไปต่อ
- ใส่รหัส PIN ของคุณตามที่เคยตั้งไว้ หรือ 0000
- กดปุ่ม OK
- รอให้ระบบทำการรีเซ็ต
- จะขึ้นหน้าจอเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้กรอกข้อมูลลงไป
- รอจนกว่าระบบจะทำการรีเซ็ตเสร็จสมบูรณ์
*เป็นเรื่องปกติที่ระบบจะทำการเปิดปิดตัวเองหลาย ๆ ครั้งในระหว่างการรีเซ็ต กรุณาอย่าดึงปลั๊กโทรทัศน์ออกระหว่างทำการรีเซ็ตอยู่
รุ่นปี 2018 – 2020
- กดปุ่ม Home บนรีโมต
- เลือกเมนู Setting รูปเฟือง
- เลื่อนหาเมนู Support
- เลือก Self Diagnosis
- เลือก Reset
- ใส่รหัส PIN ของคุณตามที่เคยตั้งไว้ หรือ 0000
รุ่นปี 2014 – 2017
- กดปุ่มเมนู 123
- เลือกเมนู Setting รูปเฟือง
- เลื่อนหาเมนู Support
- เลือก Self Diagnosis
- ใส่รหัส PIN ของคุณตามที่เคยตั้งไว้ หรือ 0000
- กด Yes เพื่อเริ่มการรีเซ็ต
รุ่นที่เก่ากว่าปี 2014
- กดปุ่ม Exit บนรีโมตค้างไว้
- รอจนกว่าไฟสแตนบายจะกระพริบ
- เมนู Factory Reset จะขึ้นมาแสดงบนหน้าจอโทรทัศน์
- เลือกไปที่ปุ่ม Reset
- ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ
กดปุ่ม Reset ไม่ได้ ทำอย่างไร
ในบางครั้งระบบอาจจะป้องกันไว้ไม่ให้คุณทำการรีเซ็ตด้วย แต่ยังมีวิธีการในการรีเซ็ตด้วยวิธีอื่น ดังนี้
- ปิดจอโทรทัศน์เพื่อเข้า standby mode
- กดปุ่ม Mute, 1, 8, 2 , และปุ่ม Power ตามลำดับ
- รอ 10 – 15 วินาทีจนกว่าเมนู Service จะขึ้นมา
- เลือก Reset
- เปิดโทรทัศน์
วิธีนี้จะบังคับให้เครื่องเข้าเมนูรีเซ็ตโดยเฉพาะ มีข้อแนะนำคือในระหว่างนี้ให้กดเฉพาะปุ่มที่ทางระบบแนะนำบนหน้าจอ หากกดปุ่มอื่น ๆ ผิด อาจทำให้เครื่องมีปัญหาได้ รวมไปถึงให้ระวังในเรื่องของปลั๊กไฟ ให้มีการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา หากไฟตกระหว่างนี้เครื่องอาจมีปัญหาได้อีกเช่นกัน
ดูยังไงว่า Samsung ของเรารุ่นปีไหน?
แยกกันง่าย ๆ ด้วยรีโมต หากมีปุ่ม 123 จะเป็นรุ่นระหว่างปี 2014 – 2017 ส่วนรุ่นตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ข้อแตกต่างคือปี 2021 เป็นต้นมาจะมีระบบ Samsung Smart Hub ส่วนก่อนหน้านั้นไม่มี
ลองทำตามขั้นตอนต่าง ๆ แล้วยังแก้ปัญหาไม่ได้
สำหรับในกรณีนี้ตัวเครื่องอาจมีปัญหาที่เกินความสามารถที่เราจะทำการตรวจสอบได้ด้วยตัวเองแล้ว แนะนำให้ติดต่อกับทางศูนย์ของ Samsung เพื่อทำการแก้ปัญหาต่อไป
