ก่อนจะไปแก้ปัญหากันต้องเข้าใจกันก่อนว่าระบบปฏิบัติการ Android TV นั้นจะมีความช้ากว่าระบบอื่น ๆ ที่เป็น Smart TV ด้วยกันอย่าง Tizen, Vidaa, Roku อยู่แล้ว เพราะเป็นระบบที่มีซอฟต์แวร์ทำงานในเบื้องหลังเยอะพอสมควร
ยิ่งหากคุณซื้อรุ่นที่เป็น Android TV รุ่นเริ่มต้น ความช้าก็จะยิ่งชัด เพราะว่าสเปคเครื่องนั้นไม่ได้สูงมากนัก หากเพิ่งย้ายมาใช้ Android TV ครั้งแรกต้องเข้าใจในจุดนี้
แต่ความช้านี้สามารถบรรเทาได้บ้างด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
มีอะไรบ้างในเรื่องนี้
- ลบแอปที่ไม่จำเป็นออกจากเครื่อง
- ลบข้อมูลสำรองของแอปต่าง ๆ
- ปิดระบบอัพเดทซอฟต์แวร์อัตโนมัติของตัวเครื่อง
- ปิดระบบอัพเดทซอฟต์แวร์อัตโนมัติของแอป
- ปิดการใช้งานการติดตาม Location
- ปิดการใช้งานการติดตามการใช้งานและการตรวจสอบ (Usage & Diagnostics)
- ปิดการใช้งานแอปที่ติดมากับเครื่องแต่ลบไม่ได้
- ลดการทำงานของแอปในเบื้องหลัง
- ลดการเคลื่อนไหวของ Animations
- เพิ่มพื้นที่ว่างภายในฮาร์ดดิสของ Android TV
- เปลี่ยนจากการใช้ Wi-Fi มาเป็น LAN
- เวลาออกจากแอป ออกด้วยการกดปุ่ม Back แทนกดปุ่ม Home
ลบแอปที่ไม่จำเป็นออกจากเครื่อง
ยิ่งมีจำนวนแอปในเครื่องมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ระบบของเครื่องทำงานช้ามากเท่านั้น หากมีแอปไหนที่คุณไม่ได้ใช้แนะนำให้ลบออกไป และหากวันใดที่จำเป็นต้องใช้ก็ค่อยโหลดมาใช้งานก็ได้ โดยวิธีการลบแอปมีดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลื่อนไปที่หน้า Apps (แอป) เลื่อนหาแอปที่จะลบ
- และกดปุ่มเปิดแอปค้างเอาไว้
- จะขึ้นหน้าต่างเมนูขึ้นมา ให้เลือก Info (ดูข้อมูล)
- เลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง) เพื่อทำการถอนการติดตั้ง
ลบข้อมูลสำรองของแอปต่าง ๆ
หากมีการใช้งานทีวีมาในระยะหนึ่ง ควรมีการเคลียร์ข้อมูลสำรอง ข้อมูลชั่วคราวของแอปที่ค้างไว้ สามารถทำได้โดย
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เลือก Apps
- มองหาแอปที่เก็บข้อมูลไว้เยอะ ๆ (ดูจากตัวเลข MB) และกดเลือก
- เลือก Clear Cache, และ Clear Data
แอปที่ควรเคลียร์ข้อมูลบ่อย ๆ คือแอป Streaming ต่าง ๆ เพราะมีการสำรองข้อมูลไว้เยอะ หากเครื่องเริ่มช้า แนะนำให้ทำทันทีอาจช่วยได้
ปิดระบบอัพเดทซอฟต์แวร์อัตโนมัติของตัวเครื่อง
แม้ระบบอัพเดทอัตโนมัติจะช่วยประหยัดเวลาและทำให้ตัวเครื่องได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปกติแล้วตัวซอฟต์แวร์นั้นไม่ได้มีการอัพเดทถี่แบบทุกสัปดาห์อะไรขนาดนั้น การเปิดระบบอัตโนมัติไว้ก็มีส่วนที่ทำให้เครื่องหน่วงได้ หากเครื่องเริ่มช้าแล้ว การปิดระบบอัพเดทซอฟต์แวร์ตัวเครื่องอัตโนมัติจะช่วยได้ไม่น้อย โดยสามารถทำได้ดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- ไปที่เมนู About (เกี่ยวกับ) และเลือก System Update (การอัพเดทระบบ)
- ปิดระบบ Automatic Software Update (อัพเดทซอฟต์แวร์อัตโนมัติ)
อย่างไรก็ดี ควรหมั่นเข้ามาเช็คการอัพเดทซอฟต์แวร์เดือนละครั้งก็ยังดี เพื่อดูว่ามีการอัพเดทใหม่ ๆ หรือไม่
ปิดระบบอัพเดทซอฟต์แวร์อัตโนมัติของแอป
เช่นเดียวกัน โดยค่าเริ่มต้นของ Android TV แล้วนั้น ทุก ๆ แอปที่เราดาวน์โหลดมาจะระบบมีการอัพเดทอัตโนมัติไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งก็มีส่วนทำให้เครื่องช้า แนะนำให้ปิดการอัพเดทไว้ ด้วยวิธีนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เลือก Auto-update apps (อัพเดทแอปอัตโนมัติ)
- เลือก Don’t auto-update apps (ไม่อัพเดทแอปอัตโนมัติ)
ปิดการใช้งานการติดตาม Location
อีกหนึ่งระบบที่สามารถปิดได้เช่นกันคือการติดตาม Location ของ TV เนื่องจากระบบนี้ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์มากนักแต่เป็นระบบที่มักจะถูกเปิดไว้อยู่ตลอด สามารถปิดได้ดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เข้าเมนู Personal (ส่วนตัว) และเลือก Location (ตำแหน่งที่ตั้ง)
- ที่ Location Status เลือกเป็น Off เพื่อทำการปิดระบบการติดตาม Location
ปิดการใช้งานการติดตามการใช้งานและการตรวจสอบ (Usage & Diagnostics)
สำหรับระบบนี้จะเป็นการส่งข้อมูลการใช้งานและตรวจสอบปัญหาตัวเครื่องที่เกิดขึ้นและเก็บข้อมูลไปยัง Android TV เพื่อที่เขาจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำการอัพเดทระบบในอนาคต แต่การเปิดระบบนี้ไว้ก็อาจทำให้ Android TV ช้าได้ สามารถปิดได้ดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เข้าเมนู Personal (ส่วนตัว) และเลือก Usage & Diagnostics (การใช้งานและการตรวจสอบ) ถัดจาก Location
- กดหนึ่งครั้งเพื่อทำการเปลี่ยนเป็น Off
ปิดการใช้งานแอปที่ติดมากับเครื่องแต่ลบไม่ได้
มีหลายแอปเลยที่ติดมากับเครื่องและทำงานในเบื้องหลัง ซึ่งเรียกกันว่า bloatware แถมยังลบไม่ได้ ตัวอย่างเช่นแอป Google ซึ่งแม้นี่จะเป็นตัวแอปที่เป็นแอปของระบบปฏิบัติการก็ตามแต่เราค่อยใช้งานเมื่อจะเข้าไปยังแอปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดไว้ตลอด โดยสามารถปิดได้ดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เลือก Apps
- เลือก Google
- เลือก Disable (ปิดการใช้งาน)
คำแนะนำ หากปิดการใช้งานแอป Google นี้ จะไม่สามารถใช้งาน Google Assistant หรือระบบคำสั่งด้วยเสียงไปด้วย หากยังต้องใช้งานระบบนี้อยู่ก็ไม่ต้องปิด
ลดการทำงานของแอปในเบื้องหลัง
คุณสามารถลดการทำงานของแอปในเบื้องหลังได้ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ตัวเครื่องบริหารจัดการแรมได้ดีขึ้น ใช้ทรัพยากรน้อยลง โดยสามารถทำได้ดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เลือก About
- กดที่เมนู Build ประมาณ 7 ครั้ง เพื่อเปิดโหมดผู้พัฒนา (Developer Options)
- กลับไปที่เมนู Settings เลือก More Settings
- เลือก Developer Options (โหมดผู้พัฒนา)
- เลือก Background Processes Limit (จำกัดการทำงานของแอปในเบื้องหลัง)
- เลือกไว้ที่ประมาณ 1 – 2 ก็พอ
ลดการเคลื่อนไหวของ Animations
แม้ Animation ต่าง ๆ บนทีวีจะทำให้เรารู้สึกว่ามันล้ำ หรือสวยงาม แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เครื่องช้าลงได้พอสมควร สามารถทำได้ดังนี้
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings เลือก More Settings
- เลือก Developer Options (โหมดผู้พัฒนา)
- ที่ Window animation scale เลือกเป็น Off เพื่อทำการปิด หรือ 0.5x
- ที่ Transition animation scale เลือกเป็น Off เพื่อทำการปิด หรือ 0.5x
- ที่ Animator animation scale เลือกเป็น Off เพื่อทำการปิด หรือ 0.5x
เพิ่มพื้นที่ว่างภายในฮาร์ดดิสของ Android TV
- กดปุ่ม Home บนรีโมตเพื่อกลับไปหน้าแรกของ Android TV
- เลือกเมนู Settings
- เลือกเมนู Storage
- เข้าไปดูว่ามีข้อมูลตรงไหนที่อยากลบไหมและทำการลบ
- สามารถ Clear Cache ทั้งหมดจากเมนูนี้ได้ด้วย โดยเลือกที่ Apps และกด Clear Cache
เปลี่ยนจากการใช้ Wi-Fi มาเป็น LAN
หากรู้สึกว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า ไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่ เปลี่ยนจากการใช้งานการเชื่อมต่อด้วย Wi-Fi มาเป็นการต่อสาย LAN เข้าเครื่องโดยตรงจะช่วยแก้ปัญหาความเร็วอินเทอร์เน็ตได้มาก
เวลาออกจากแอป ออกด้วยการกดปุ่ม Back แทนกดปุ่ม Home
การกดปุ่ม back บนรีโมตจะเป็นการปิดแอปที่เราออกด้วย ส่วนการกดปุ่ม Home จะเป็นการกลับไปที่หน้าแรกโดยที่แอปเดิมที่เปิดค้างไว้ยังทำงานอยู่ ฉะนั้นวิธีการกดปุ่ม back จะประหยัดแรมเครื่องได้มาก
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาในกรณีที่ Android TV ช้า หน่วง และกระตุก อาจช่วยได้ไม่มากก็น้อย แนะนำให้ทำทั้ง 12 วิธีเลย จะเห็นผลความแตกต่างอย่างชัดเจน